กับข้าวที่คุณไม่ควรกิน

กับข้าวที่คุณไม่ควรกินโดยเฉพาะในตอนเช้าหรือตอนท้องว่าง 

  1. อาหารกึ่งสำเร็จรูป ในตอนเช้าร่างกายของคุณควรที่จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์เพราะฉะนั้นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ไม่มีวิตามินอย่างยิ่งเลยคุณห้ามกินเพราะว่าอาหารกึ่งสำเร็จรูปนั้น มีผงชูรสมากทำให้มีคนกินในตอนเช้าเพราะฉะนั้นแนะนำให้กินอย่างอื่นแทนนะคะ
  2. กล้วย เชื่อว่าหลายคนคงชอบกินกล้วยแต่หลายคนคงไม่รู้ว่าถ้าการที่คุณกินกล้วยในตอนเช้ามันจะทำให้คุณท้องอืดและอันอาจจะทำให้มีผลต่อการทำงานของหลอดเลือดหัวใจซึ่งอันตรายต่อสุขภาพขอบคุณเพราะฉะนั้นแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยว่าไม่ควรกินในตอนเช้าหรือตอนที่ท้องว่างค่ะ
  3. แฮมเบคอนและไส้กรอก  เชื่อว่าทุกคนคงเคยซื้อเป็นของกินตอนเช้าซื้อจากเซเว่นซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ถ้าคุณกินเยอะเกินไปมันจะทำให้ตายของคุณทำงานน่ะแล้วจะทำให้เป็นผลเสียในอนาคตตามสภาพร่างกายของคุณเพราะฉะนั้นถ้าไม่กินได้ก็ควรที่จะไม่กินนะคะ
  4. ขนมปังทาช็อกโกแลต เชื่อว่าหลายหลายคนคงจะชอบกินช็อกโกแลตกันและเชื่อว่าทุกคนคงจะมีขนมปังและในตอนเช้าถ้าเกิดว่าคุณตื่นสาย เชื่อว่าหลายคนคงจะทาช็อกโกแลตกับขนมปังแต่ว่าคุณไม่ควรที่จะทานบ่อยบ่อยแนะนำให้คุณเนี่ยนั่นนานทีถึงจะทานนะคะหรือคุณควรจะทานกับสเต็กไข่ดาวหรือควรจะทานกับของที่มีประโยชน์นะคะ
  5. ขนมครก ฉันว่าทุกทุกคนคงจะชอบกินขนมครกเพราะมีความนุ่มและมีความหวานซึ่งเชื่อว่าเด็กเด็กหลายหลายคนเค้าจะชอบแตกขนมครกนั้นไม่มีประโยชน์เพราะทำมาจากแป้งและน้ำตาลเพราะฉะนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะกินเพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพและเสียงที่จะเป็นโรคอ้วนอีกด้วยค่ะ
  6. โยเกิร์ต ชื่อว่าคนคุณจะรู้ดีว่าโยเกิร์ตนั้นดีต่อสุขภาพแต่คุณห้ามทานตอนท้องว่างเพราะคุณกินโยเกิร์ตตอนท้องว่างหรือตอนเช้าจะทำให้คุณท้องอืดได้โยเกิร์ตนั้นไม่มีสารอาหารมากพอที่จะทำให้เด็กเด็กอิ่มไปจนถึงตอนเที่ยงซึ่งทุกคนควรจะรู้ดีว่าในระหว่างที่เรียนหรือทำกิจกรรมหลายอย่างหิวแบบนั้นมันคงจะไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าเกิดว่าคุณจำเป็นที่จะต้องทานโยเกิร์ตจริงๆคุณควรที่จะใส่ผลไม้หรือทานอาหารอย่างอื่นไปด้วย

คุณไม่ควรจะกินของ สุ่มสี่สุ่มห้าเพราะฉะนั้นคุณ คุณจะทำตามที่เราบอกไปถ้าอยากที่จะสุขภาพดีดีแข็งแรงนะคะ   

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

ชายชาวจีน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกมาแชร์ประสบการณ์

ชายชาวจีน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกมาแชร์ประสบการณ์อยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างไรไม่ให้ตัวเองแพร่เชื้อให้คนอื่น

มีชายชาวจีนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ออกมาเปิดเผยประสบการณ์เกี่ยวกับการอยู่ร่วมบ้านกับคนอื่นอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ

โดยที่พวกเขาเหล่านั้น สามารถอยู่ร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสเลย ซึ่งเขามีการแชร์ความรู้นี้ให้กับคนอื่นอื่น เพื่อที่จะได้ป้องกันตัวเองไม่ให้แพร่เชื้อไปยังคนอื่น ซึ่งวิธีการที่เขาออกมาบอกนี้ เขายืนยันว่าได้ผลแน่นอน แต่หากจะทำได้ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก

   มีรายงานข่าวจากสำนักข่าว ชินหัวไทย ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของชายชาวจีนรายหนึ่ง ซึ่งเขากำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน และปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2020 

โดยในตอนนี้เขาได้รักษาตัวจนหายจากอาการป่วยติดเชื้อไวรัสแล้ว ซึ่งในตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้ปล่อยตัวเขาออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากที่เขาออกมาจากการกักตัวเพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา เขาก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของเขาที่ต้องรักษาตัวให้หายจากการติดเชื้อและยังต้องการให้มีการแชร์ข้อความของเขา

เพื่อเป็นความรู้ให้กับผู้คนที่กำลังติดเชื้อให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตและเป็นการแนะนำการดูแลตัวเองและวิธีระวังตัวเองไม่ให้ไปแพร่เชื้อไวรัสนี้ให้กับคนอื่นอื่น เพื่อที่คนเหล่านั้นจะได้ไม่ต้องติดเชื้อเหมือนเราไปตัวและเป็นการหยุดวงจรการแพร่เชื้อไวรัส ซึ่งมีขั้นตอนการระวังตัวดังต่อไปนี้ 

  • ต้องใช้หน้ากากอนามัยเสมอและตลอดเวลา ซึ่งเขาเป็นคนหนึ่งที่พอรู้เรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา เขาก็เริ่มหาซื้อหน้ากากอนามัยและนำมาใช้งานพร้อมกับแจกจ่ายให้กับคนในบ้านใช้ทันที
  • ต้องไม่พูดคุยกับใคร โดยช่วงนี้งดการพูดคุยกับคนอื่นไปเลย และที่สำคัญอย่างมากต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาห้ามถอดหน้ากากออกอย่างเด็ดขาด
  • ในช่วงที่กำลัง มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่นี้ ควรกินข้าวคนเดียว ไม่กินอาหารหรือของว่าร่วมกับคนอื่นอื่นโดยเด็ดขาด รวมถึงการดื่มน้ำก็กินน้ำขวดของเราเองห้ามแบ่งน้ำให้คนอื่นดื่มหรือแม้แต่ห้ามดื่มน้ำของคนอื่น และการใช้แก้วน้ำควรใข้แก้วของตนเองเป็นประจำไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับใครและก่อนใช้แก้วควรล้างน้ำให้สะอาด
  • พยายามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็คทำความสะอาดอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง และทำอย่างสม่ำเสมอ 
  • พยายามไม่ออกไปข้างนอกให้อยู่แต่ในห้องของตัวเองเพียงเท่านี้ก็เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

วิธีใช้เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหู 

เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูปหู ถือเป็นเครื่องช่วยฟังที่มีขนาดเล็กมากที่สุดในบรรดาประเภทที่มี เนื่องจากต้องใส่เข้าไปที่ในช่องหู จึงจำเป็นต้องหล่อรูหูให้เข้ากับตัวเองเพื่อให้พอดีกับขนาดช่องหูจริงๆ บางที่ทำเนียนมากขนาดที่ว่าสียังใกล้เคียงกับผิวจริงๆ ซึ่งอาจจะมีราคาแพงกว่ารุ่นอื่น แต่ก็เหมาะกับคนที่ต้องการความคล่องแคล่ว และรักษาภาพลักษณ์ 

หลังจากที่แพทย์ได้วินิจฉัยแล้วว่าคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟัง และวิเคราะห์แล้วว่าไลฟ์สไตล์ของตัวเองเหมาะกับการใช้เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก เนื่องจากจำเป็นต้องพบเจอผู้คนเยอะ และภาพลักษณ์มีผลต่ออาชีพการงาน เครื่องช่วยฟังประเภทนี้จึงเหมาะที่สุด

ซึ่งถ้าไม่ซื้อที่โรงพยาบาลก็สามารถร้านทั่วไปข้างนอกได้ แต่ควรตรวจเช็กให้ดีว่าร้านมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และมีประกันสินค้าหรือไม่ ถ้ามีหน้าร้านและผู้เชี่ยวชาญประจำร้าน จะช่วยให้เครื่องช่วยฟังรุ่นนี้มีขนาดที่พอดีกับช่องหูเรามากที่สุด 

สำหรับเครื่องช่วยฟังชนิดใส่ในรูหู มีขนาดเล็กมาก และสีเนียนเป็นเนื้อเดียวกับผิวของเรา มีปุ่มเปิดปิดขนาดเล็กมากๆ แต่จะมีข้อได้เปรียบคือรุ่นนี้จะสามารถได้ยินเสียงชัดกว่า เพราะสามารถสวมเข้าไปได้ลึกใกล้รูหูมากที่สุดกว่ารุ่นอื่นๆ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องหลังใช้งานกันนิด

เพราะด้วยขนาดที่เล็กมากจึงทำให้บางครั้งผู้สวมใส่อาจมีหลงลืมวางทิ้งไว้ หรือทำหล่นหายได้ จึงจำเป็นต้องมีกล่องสำหรับเก็บ  เครื่องช่วยฟัง  นี้ให้เป็นที่เป็นทาง และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการใส่ถ่าน จึงต้องคำนวณให้แม่นว่าระยะไหนจึงควรเปลี่ยนถ่านได้ 

อายุการใช้งานของเครื่องช่วยฟังประเภทนี้ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 3 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ราคามีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น แตกต่างกันไปตามแต่วัสดุที่ใช้ ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพงกว่าย่อมใช้ของที่ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าของราคาถูกกว่าจะใช้งานไม่ได้ เพียงแต่อาจจะมีอายุการใช้งานไม่คงทนเท่า 

นอกจากนี้เวลาที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องช่วยฟังไม่ว่าจะรุ่นอะไรก็แล้วแต่ เอาที่ตัวเองสะดวกเป็นหลักก็จริง แต่อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองด้วย เช่น เครื่องช่วยฟังรุ่นใส่ในรูหู มีขนาดเล็กมากจึงไม่เหมาะกับคนสูงอายุ เพราะอาจทำหล่นหายได้ ส่วนราคาจะถูกจะแพงก็ขึ้นอยู่กับว่ามีงบเท่าไหร่ ถ้าไม่เดือดร้อนมากลงทุนกับมันหน่อยก็ดี เพราะของแบบนี้ต้องใช้ทุกวัน และช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเลือกให้ดี มีประสิทธิภาพหน่อย จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ บางครั้งยอมจ่ายแพงหน่อยแต่ใช้ได้นานก็อาจดีกว่า 

วิธีการวัดการได้ยินของหู

การตรวจวัดสมรรถภาพของหูชั้นกลางนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องตรวจเพราะถ้าหากเกิดโรคที่เกี่ยวกับหูที่ผิดปกติ หรือเกี่ยวกับโรคหูอื่นๆ เช่นโรคหูน้ำหนวง หูตึง หูอักสับชั้นนอก

หูอักเสบชั้นใน น้ำในหูไม่เท่ากัน แก้วหูอักเสบ มีน้ำหนองในหู เราจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีและการตรวจดูคลื่นของเส้นประสาทการได้ยินนั้นก็สำคัญเช่นกัน และส่วนที่เป็นก้านสมองในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีความผิดปกติของเส้นประสาทและส่วนการได้ยินก็สำคัญเช่นกัน แต่ถ้ายังหาสาเหตุไม่พบ หรือในผู้ป่วยที่แพทย์สงสัยจะมีเนื้องอก อาจต้องตรวจเอ็กซเรย์สนามแม่เหล็ก

เพื่อดูว่ามีสิ่งที่จะเป็นนั้นสาเหตุของโรคมีส่วนเกี่ยวกับความผิดปกติของหูหรือไม่ เพราะถ้าหากหาความผิดปกติทางหูได้เร็วได้ก็จะดีต่อผู้ป่วย เพราะจะได้ทำการรักษาได้เร็วและทำให้การรักษาหูได้ผลมากขึ้น นอกจากนั้นการดูแลตัวเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะโรคผิดปกติทางหูก็อาจจะมาจากโรคทั่วไป เช่นโรคไข้หวัดใหญ่ ต้อมทอมชินอักเสบ โรคไมเกรน 

ฉะนั้นการป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคเหล่านั้นก็จะเป็นการดีที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดโรคหูผิดปกติได้ หรือ โรคอื่นๆที่เกี่ยวกับหู เช่น โรคหูน้ำหนวก โรคหูชั้นในอักเสบ โรคหูชั้นนอกอักเสบ โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหูดับ โรคหูมีน้ำหนอง โรคแก้วหูอักเสบ โรคแก้วหูแตก จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับอะไรก็สามารถมีอาการเกี่ยวกับหูแทรกได้

เพราะฉะนั้นการการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่จะทำให้เกิดโรคหูแล้วนั้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้นเกิดโรคอื่นๆด้วยเช่นกัน ฉะนั้นตัวท่านเองต้องรักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอและหลีกเลี่ยงภาวะที่จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆไม่ใช่แค่โรคที่เกี่ยวกับหูเท่านั้น ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับหูที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ การใส่หูฟังเป็นเวลานาน การาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ ที่เสียงดังเป็นเวลานาน การแคะหูก็เป็นอีกความเสี่ยงที่ควรหลีเลี่ยง

เพราะถ้าหากแคะหูบ่อยๆเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดอาการหูอักเสบได้ซึ่งถ้าหากเกิดอาการหูอักเสบแล้วนั้นก็จะทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับหูได้ง่ายมากขึ้นซึ่งโรคที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคหูอักเสบนั้นก็คือโรคหูน้ำ

หนวง ลักษณะของโรคหูน้ำหนวง คือ จะมีน้ำหนองขังอยู่ในหูและจะมีอาการเจ็บหูมากต้องไปพบหมอเพื่อให้หมอเอาน้ำหนองที่ขังในหูออกถึงจะหายเจ็บและเวลาในการรักษาน้ำหนองในหูนั้นต้องใช้เวลาในการเอาน้ำหนองออกประมาณสองถึงสามครั้ง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟัง